หน้าแรก

วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2565

ประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2565 จังหวัดภูเก็ต

  27 กันยายน  - 4 ตุลาคม 2565


ประวัติประเพณีกินผัก ภูเก็ต
    เดิมประเพณีกินผัก (เจี๊ยะฉ่าย) ที่ชาวบ้านและชาวจีนที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ตเรียกกันว่า “เจี๊ยะฉ่าย” นั้นเป็นลัทธิเต๋าซึ่งนับถือบูชา เซียนเทวดา เทพเจ้า วีรบุรุษเป็นประเพณีที่คนจีนนับถือมาช้านาน โดยเฉพาะคนจีนฮกเกี้ยนคำว่า “เจี๊ยะฉ่าย” (กินผัก) เป็นภาษาท้องถิ่น วันประกอบพิธีตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ 
(เก้าโง้ยโฉ่ยอีดถึงโฉ่ยเก้า) ตามปฏิทินจีนของทุกๆปี 


 
ประเพณีเจี๊ยะฉ่าย ได้เริ่มขึ้นเป็นครั้งแรกที่หมู่บ้าน ไล่ทู (ในทู) ซึ่งเป็นหมู่บ้านกะทู้ ตำบลกะทู้ จังหวัภูเก็ตในปัจจุบันคนจีนเหล่านั้นได้อพยพเข้ามาทำเหมืองแร่ตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา(สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช) มีการค้าขาย แร่ดีบุก กับ ปอร์ตุเกส ฮอลันดา ฝรั่งเศส อังกฤษ เป็นต้น คนจีนเหล่านั้นได้หลั่งไหลเข้ามามากที่สุดก่อนปี พ.ศ.2368 คือหลังจาก เมืองภูเก็ต และ เมืองถลาง ถูกพม่ารุกรานเมื่อปี  พ.ศ.2352 พลเมืองได้กระจัดกระจายไปอยู่ตามที่ต่างๆ ครั้น พระยาถลาง (เจิม) ได้รับแต่งตั้งให้เป็น เจ้าเมืองถลาง และได้ตั้งเมืองภูเก็ตที่บ้านเก็ตโฮ่ ให้พระภูเก็ต (แก้ว) มาเป็นเจ้าเมือง (ระหว่าง พ.ศ. 2368-2400)


  
พื้นที่รอบๆในทู (กะทู้) อุดมสมบรูณ์ไปด้วยแร่ดีบุก จึงทำให้คนจีนหลั่งไหลเข้ามาขุดแร่ดีบุกเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็น คนจีนที่อพยพมาจาก เมืองถลาง เดิมที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป และที่อพยพมาจากมณฑลฮกเกี้ยน,ซัวเถาและเอ้หมึง ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศจีนโดยอาศัยเรือใบผ่านมาทางแหลมาลายู เป็นต้น หมู่บ้านในทูในสมัยนั้นยังเป็น ป่าทึบ มีไข้ป่า ตลอดจนภยันตรายต่างๆ จากสัตว์ป่ามากมาย แต่ผู้คนและชาวจีนในหมู่บ้านในทูกลับเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากมีแร่ดีบุกอุดมสมบูรณ์จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลก 



คนจีนที่อยู่ในทู สมัยนั้น มีความเชื่อและความศรัทธาในเรื่องเทพเจ้าประจำตระกูลหรือเทพเจ้าที่คุ้มครองประจำหมู่บ้าน เช่น เทพยดาฟ้าดิน เซียนต่างๆ รวมถึง บรรพบุรุษของตนเองมาก่อนแล้ว เมื่อมีเหตุเภทภัยเกินขึ้นจึงได้มีการอัญเชิญเทพเจ้าแต่ละพระองค์ที่ตนนับถือบูชากราบไหว้ให้มาคุ้มครองปกป้องรักษาตน หรือพวกพ้องที่ได้ทำมาหากินในท้องถิ่นที่ตนพำนักอาศัยให้คนเหล่านั้นอยู่ เย็นเป็นสุขโดยทั่วกันและความเชื่อนี้ยังคงยึดถือจนตราบเท่าทุกวันนี้


  
  ต่อมาได้มีคณะงิ้ว หรือ เปะหยี่หี่ ที่ได้เดินทางมาจากประเทศจีนมาเปิดแสดงที่บ้านในทู คณะงิ้วนี้สามารถแสดงอยู่ได้ตลอดปี เนื่องจากเศรษฐกิจของชาวในทู กรรกรจีน รวมถึงร้านค้า มีรายได้ดีมาก ในขณะนั้น ต่อมาปรากฏว่ามีตึกดิน 26 หลัง และโรงร้าน 112 หลัง จึงสามารถอุดหนุนงิ้วคณะนี้ได้ตลอดปี หลังจากคณะงิ้วได้เปิดทำการแสดงอยู่ที่บ้านในทูระยะหนึ่ง ได้เกิดมีการเจ็บป่วยเป็นไข้ และจากการเจ็บป่วยครั้งนี้ทำให้คณะงิ้วนึกขึ้นได้ว่าพวกตนไม่ได้ประกอบพิธีเจี๊ยะฉ่าย (กินผัก) ซึ่งเคยปฏิบัติกันมาทุกปีที่เมืองจีน และปรากฏมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าอึ่งตี่ฮ่องเต้เป็นต้นมา จึงได้ปรึกษาหารือในหมู่คณะ และได้ตกลงกันประกอบพิธีเจี๊ยะฉ่ายขึ้นที่โรงงิ้วนั่นเอง ทั้งนี้เนื่องจากไม่สามารถลงเรือใบ หรือเรือสำเภาเดินทางกลับไปร่วมพิธีเจี๊ยะฉ่ายที่เมืองจีนได้ทันเพราะใกล้จะถึงวันประกอบพิธีแล้ว จึงได้ตกลงใจประกอบพิธีเจี๊ยะฉ่ายขึ้นที่โรงงิ้วเพื่อขอขมาโทษ



ต่อมาโรคภัยไข้เจ็บก็หายไปหมดสิ้น รวมทั้งโรคภัยไข้เจ็บที่เคยเบียดเบียดชาวในทู ก็ลดลงด้วยเช่นกัน เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้แก่ชาวในทูเป็นอันมาก จึงได้สอบถามจากคณะงิ้วและได้คำตอบว่าพวกเขาได้ประกอบพิธีเจี๊ยะฉ่ายแบบย่อๆ เนื่องจากไม่มีผู้รู้และผู้ชำนาญในการจัดประกอบพิธีเจี๊ยะฉ่ายโดยเพียงแต่สักการะบูชาไหว้ขอขมาโทษ ระลึกถึงกิ้วอ๋องเอี๋ยหรือ กิ้วอ๋องต่ายเต่หรือพระราชาธิราชทั้งเก้าพระองค์นั้นเอง



คณะงิ้วยังได้แนะนำชาวจีนในทูต่อไปว่า การเชิญเทพเจ้ามาสักการะบูชาเพื่อปกป้องตนเอง ครอบครัว และท้องถิ่น เพื่อให้อยู่เย็นเป็นสุขตามที่ได้ปฏิบัติกันมาแล้ว เป็นสิ่งที่ดีแต่ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นก็ควรจะเจี๊ยะฉ่ายถือศีลไปด้วย การเจี๊ยะฉ่ายไม่จำเป็นต้องปฏิบัติให้ครบทั้งเก้าวัน จะเจี๊ยะฉ่ายกี่วันก็ได้ตามแต่ศรัทธาและเหมาะสมของแต่ละครอบครัว ชาวในทูและคนจีนส่วนใหญ่มีความเชื่อและเลื่อมใสได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของคณะงิ้ว โดยได้ประกอบพิธีเจี๊ยะฉ่ายในปีต่อมา ประเพณีเจี๊ยะฉ่ายของเมืองภูเก็ตได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกที่ในทู (กะทู้) นั่นเอง ต่อมาจึงได้แพร่หลายออกไปตามสถานที่ต่างๆ



หลังจากชาวจีนในทูได้ประกอบพิธีเจี๊ยะฉ่ายได้ประมาณ 2-3 ปี โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้ลดน้อยลงและหายไปในที่สุด ทำให้ชาวจีนที่มาอาศัยทำเหมืองแร่อยู่ตามดงตามป่ามีความเชื่อและศรัทธาเลื่อมใสมากยิ่งขึ้น


ก่อนคณะงิ้วจะย้ายไปทำการแสดงที่อื่น คณะงิ้วได้มอบรูปพระกิ้มซิ้น (เทวรูป),เล่าเอี๋ย (เตียนฮู้หง่วนโส่ย),ส่ามอ๋องฮู่อ๋องเอี๋ย, ส่ามไถ้จือ และได้ให้คำแนะนำแก่ชาวจีนเกี่ยวกับการประกอบพิธีกรรมโดยย่อๆ ในครั้งนั้นด้วยในช่วงระยะที่ชาวจีนกำลังประกอบพิธีเจี๊ยะฉ่าย (กินผัก) ที่ท่านผู้รู้ท่านหนึ่งซึ่งไม่ปรากฏนามเคยอาศัยอยู่ที่มณฑลกังไส (กังไส คือ เจียงซี้ของประเทศจีนในปัจจุบัน) ได้เดินทางมาประกอบอาชีพในทู ได้เห็นการประกอบพิธีเจี๊ยะฉ่ายของชาวจีนไม่ถูกต้องตามแบบฉบับของฉ้ายตึ้ง (ศาลเจ้าในมณฑลกังไส) จึงได้แจ้งให้ชาวจีนในทูทราบว่าตนยินดีรับอาสาเดินทางกลับไปมณฑลกังไสของประเทศจีน เพื่อไปเชี้ยเหี้ยวโห้ย (อัญเชิญธูปไฟ) และองค์ประกอบสำหรับพิธี แต่ไม่สามารถเดินทางไปได้เนื่องจากขาดทุนทรัพย์ ชาวจีนในทูจึงได้ร่วมมือร่วมใจกันรวบรวมทุนทรัพย์ให้กับผู้รู้ท่านนี้ สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปมณฑลกังไส


อีก 2-3 ปีต่อมา ในระหว่างที่ชาวจีนในทูประกอบพิธีเจี๊ยะฉ่ายแบบย่อๆ จนถึงวันขึ้น 7 ค่ำ (วันเก้าโง้ยโฉ่ยฉีด) ตามปฏิทินจีน เวลากลางคืน เรือใบจากประเทศจีนได้เดินทางมาถึงหัวท่าบ่างเหลียว (บางเหนียวในปัจจุบัน) ท่านผู้รู้ได้เดินทางกลับมากับเรือใบลำนี้ด้วยและได้ส่งคนมาแจ้งข่าวให้ชาวจีนในทูทราบว่า บัดนี้ตนได้เดินทางกลับจากประเทศจีนมาถึงหัวท่าบางเหลียวพร้อมเชี้ยเหี้ยวเอี้ยน (ผงธูป) มาด้วยแล้ว ขอให้คณะกรรมการกับผู้ที่ร่วมประกอบพิธีเจี๊ยะฉ่ายไปต้อนรับที่หัวบ่างเหลียวในวันเก้าโง้ยโฉ่ยโป๊ยคือวันรุ่งขึ้น



เหี้ยวโห้ย หรือ เหี้ยวเอี้ยนที่นำมาจากมณฑลกังไส ได้จุดปักไว้ในเหี้ยวหล๋อ(กระถางธูป) โดยจุดธูปให้ติดตลอดระยะทางมิให้ดับ นอกจากนี้ยังได้นำแก้ง(บทสวดมนต์,คัมภีร์,ตำราต่างๆ พร้อมทั้งป้ายชื่อเต้าโบ้เก้ง ป้ายติดหน้าอ๊ามฉ้ายตึ้ง)

ปัจจุบันประเพณีเจี๊ยะฉ่าย (กินผัก) ของชาวภูเก็ตได้ปฏิบัติสืบทอดกันมาทุกปีนับเวลาได้ หลายร้อยปีแล้วซึ่งถือว่าเป็นประเพณีอันดีงามของชาวภูเก็ต



ประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2565
27 กันยายน - 4 ตุลาคม 2565

ขอเชิญร่วมรับองค์พระในพิธีแห่พระรอบเมือง (พิธีอิ้วเก้ง) งานประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2565 ระหว่างวันที่ 27 กันยายน - 4 ตุลาคม 2565 ณ ลานนวมินทร์ 72 ถนนภูเก็ต ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ดังนี้

- วันอังคารที่ 27 กันยายน 2565 อ๊ามจ้อสู่ก้งนาคา (อ๊ามฮุนจง) ออกจากอ๊าม เวลา 07.30 น.

- วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน 2565 อ๊ามหลิมฮู้ไท้ซู่ (สามกอง) ออกจากอ๊าม 06.45 น.

- วันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565 อ๊ามท่าเรือ ออกจากอ๊าม 06.09 น. และศาลเจ้าเจ่งอ๋อง (ตรงข้าม รพ.วชิระ) ออกจากอ๊าม เวลา 06.30 น.

- วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม 2565 อ๊ามบางเหนียว (บางเหนียวเต้าโบ้เก้ง,มูลนิธิเทพราศี) ออกจากอ๊าม เวลา 07.00 น.

- วันอาทิตย์ 2 ตุลาคม 2565 อ๊ามจุ๊ยตุ่ยเต้าโบ้เก้ง ออกจากอ๊าม เวลา 08.00 น.

- วันจันทร์ ที่ 3 ตุลาคม 2565 อ๊ามหล่ายทู่เต้าโบ้เก้ง(กะทู้) ออกจากอ๊าม เวลา 06.45 น. และอ๊ามยกเค่เก้ง(จอสู่ก้ง ซอยพะเนียง) ออกจากอ๊าม เวลา 06.00 น.

- วันอังคาร ที่ 4 ตุลาคม 2565 อ๊ามซุ่ยบุ่นต๋อง (หล่อโรง) ออกจากอ๊าม เวลา 08.00 น. และร่วมพิธีส่งพระได้ตั้งแต่เวลา 20.00 น.

#เทศบาลนครภูเก็ตเพื่อประชาชน #ร่วมสืบสานงานประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต #Discover PHUKET   

แหล่งที่มา :  เทศบาลนครภูเก็ต

  • ไทยรัฐออนไลน์ 
  •  ททท.สำนักงานภูเก็ต

ภูมิภาค : ภาคใต้
จังหวัด : ภูเก็ต
อีเมล : tatphket@tat.or.th
ติดต่อสอบถาม : ททท.สำนักงานภูเก็ต
เบอร์โทร : 076211036

🚕🚎🚐🚌🛺🚛🚒🚑🚔🚖🚛🚚

การเดินทางมายังจังหวัดภูเก็ต

ทางรถยนต์ 
   
ริ่มต้นจากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางสายธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 4 โดยตลอด ผ่านจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ตรงมาถึง จ.ชุมพร จากนั้นมีสอง ทาง คือ

1.เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 4 (ทางหลวงสายเดิม) ผ่าน อำเภอกระบุรี อำเภอเมือง จังหวัดระนอง อำเภอกะเปอร์ กิ่งอำเภอสุขสำหราญ อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง ของจังหวัดพังงา  ข้ามสะพานท้าวเทพกษัตรีย์ (สะพานสารสิน) เข้าจังหวัดภูเก็ต รวมระยะทาง 862 กม. (หมายเหตุ: ทางนี้คดเคี้ยวมาก เพราะถนนตัดไปตามไหล่เขา ไม่เหมาะเดินทางกลางคืน แต่เนื่องจากใกล้ทะเลและอุทยานแห่งชาติหลายแห่ง เราจะพบป้ายแหล่งท่องเที่ยวริมทางหลายแห่ง)

2.ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 41 ผ่าน อำเภอสวี อำเภอทุ่งตะโก อำเภอหลังสวน อำเภอละแม อำเภอท่าชนะ อำเภอไชยา อำเภอท่าฉาง อำเภอพูนพิน แล้วให้เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 401   ตรงมาเรื่อยจนพบสามแยกที่อำเภอพนม ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 415 ตรงมาเรื่อยจนพบทางสามแยกให้เลี้ยวเข้า  อำเภอทับปุด แล้ว ใช้ทางหลวง 4144 ขับเรื่อยมาจนพบทางสามแยก จะพบป้ายบอกทางให้เลี้ยวซ้ายเข้า จ.ภูเก็ต (thai-tour.com แนะนำ: เส้นทางนี้จะยาวกว่าเส้นทางแรก แต่จะเดินทางสะดวกกว่ามาก เพราะทางไม่ค่อยคดเคี้ยว และปัจจุบันเป็น ถนน ทูเวย์ จนถึง อำเภอไชยา และกำลังสร้างต่อไปอีกถึง จ.สุราษฎร์)

 ทางรถโดยสารประจำทาง

มีรถโดยสารทั้งรถธรรมดา และรถปรับอากาศออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ไปภูเก็ตทุกวัน สอบถามได้ที่ 
โทร. 435-1200, 434-7192 บริษัทเอกชน ติดต่อ บริษัทภูเก็ตเซ็นทรัล โทร. 435-5019 และบริษัทภูเก็ตท่องเที่ยว โทร. 435-5018 สถานีขนส่งภูเก็ต โทร. (076) 211480

 ทางรถไฟ 

ไม่มีบริการรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปภูเก็ตโดยตรง ผู้ที่ประสงค์จะเดินทางโดยรถไฟต้องไปลงที่สถานีรถไฟ พุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี แล้วต่อรถประจำทางเข้าจังหวัดภูเก็ต สอบถามรายละเอียดได้ที่หน่วยบริการเดินทาง การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 223-7010, 223-7020

ทางเครื่องบิน

บริษัท การบินไทย จำกัด จัดเที่ยวบินกรุงเทพฯ - ภูเก็ตทุกวัน รายละเอียดติดต่อได้ที่ โทร. 280-0060, 628-2000

- บริษัท การบินไทยภูเก็ต โทร. (076) 211195, 212499, 212946

- บริษัท บางกอกแอร์เวย์ จำกัด จัดเที่ยวบินกรุงเทพฯ - อู่ตะเภา - ภูเก็ต - และกรุงเทพฯ - สมุย - ภูเก็ต ทุกวัน 
รายละเอียดติดต่อ โทร. 229-3456-63 ภูเก็ต โทร. (076) 212341, 225033-5

การเดินทางภายในจังหวัดภูเก็ต

 ภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีการเดินทางภายในจังหวัดสะดวกมาก มีรถตุ๊กๆ บริการภายในเขตเทศบาล หรือจะเช่าเหมารถตุ๊กๆ ไปยังสถานที่ต่างๆ ได้ ราคาขึ้นอยู่กับระยะทาง

- บริการรถสองแถว และรถโดยสารประจำทาง
มีรถสองแถวออกจากตลาดสด ใกล้วงเวียนน้ำพุ ถนนระนอง ไปยังหาดและสถานที่ต่างๆ รถออกทุก 30 นาที ตั้งแต่เวลา 06.00 -18.00 น. อัตราค่าโดยสาร 10 - 20 บาท ตามระยะทาง

- บริการรถรับ - ส่งระหว่างสนามบินและตัวเมืองภูเก็ต
ที่สนามบินมีบริการรถแท็กซี่เข้าตัวเมืองภูเก็ต หรือไปยังหาดต่างๆ ในอัตราค่าบริการที่ต่างๆ กัน ส่วนในตัวเมืองก็มีบริการรถรับส่งไปสนามบินตามเวลาที่เครื่องบินจะออก โดยรถจะออกจาก บริษัททัวร์รอยัล เอ็นเตอร์ไพรส์ ถนนวิชิตสงคราม โทร. (076) 235268 - 71 รถออกเวลา 06.30 - 18.00 น.

ภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีการเดินทางภายในจังหวัดสะดวกมาก มีรถตุ๊กๆ บริการภายในเขตเทศบาล หรือจะเช่าเหมารถตุ๊กๆ ไปยังสถานที่ต่างๆ ได้ ราคาขึ้นอยู่กับระยะทาง

- บริการรถสองแถว และรถโดยสารประจำทาง
มีรถสองแถวออกจากตลาดสด ใกล้วงเวียนน้ำพุ ถนนระนอง ไปยังหาดและสถานที่ต่างๆ รถออกทุก 30 นาที ตั้งแต่เวลา 06.00 -18.00 น. อัตราค่าโดยสาร 10 - 20 บาท ตามระยะทาง

- บริการรถรับ - ส่งระหว่างสนามบินและตัวเมืองภูเก็ต
ที่สนามบินมีบริการรถแท็กซี่เข้าตัวเมืองภูเก็ต หรือไปยังหาดต่างๆ ในอัตราค่าบริการที่ต่างๆ กัน ส่วนในตัวเมืองก็มีบริการรถรับส่งไปสนามบินตามเวลาที่เครื่องบินจะออก โดยรถจะออกจาก บริษัททัวร์รอยัล เอ็นเตอร์ไพรส์ ถนนวิชิตสงคราม โทร. (076) 235268 - 71 รถออกเวลา 06.30 - 18.00 น.


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
  • เทศบาลนครภูเก็ต  
  • สำนักงานท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต  0-7621-7054  E-mail: phuket@mots.go.th
  • www.thailandfestival.org 

ไม่มีความคิดเห็น: