ประเพณีแห่ดาว เทศกาลคริสต์มาส
21 ธันวาคม 2563 - 25 ธันวาคม 2563
21 ธันวาคม 2563 - 25 ธันวาคม 2563
เมื่อถึงเดือนธันวาคมของทุกปีชาวคาทอลิค ท่าแร่ ตำบลท่าแร่ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร จะมีการตกแต่งบ้านเรือนให้มีความสวยงามโดยการประดับดาวน้อยใหญ่ท่ามกลางสีสันที่สวยงามซึ่งช่วงเทศกาลคริสต์มาส ถือเป็นเทศกาลที่มีการเฉลิมฉลองกันอย่างคึกคักทั่วโลกเรียกได้ว่าจัดงานกันอย่างสวยงามยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน สำหรับไทยงาน เทศกาลคริสต์มาส ที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือหมู่บ้านท่าแร่ ตำบลท่าแร่ อำเภอเมือจังหวัดสกลนครซึ่งเป็นชุมชนชาวคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในไทยมี 18 ชุมชน มีครัวเรือน กว่า 4,000 ครัวเรือน ประชากร กว่า 1 หมื่นคน
ภายในงานมีกิจกรรมมากมาย และไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดก็คือ การชมขบวนแห่ดาวกว่า 300 คัน จากชาวคริสต์ 4 จังหวัด คือ สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ และมุกดาหาร ที่จำลองการประสูติของพระเยซู และประดับตกแต่งด้วยไฟหลากสีสัน ขบวนจะเริ่มจากถนนสุขเกษม ผ่านลานคนเมืองและหน้าประตูเมือง จนถึงสำนักมิสซังท่าแร่-หนองแสง เขตเทศบาลนครสกลนคร โดยยังมีถนนคนเดิน ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เดินเล่นช็อปของพื้นบ้าน ของทำมือต่างๆ ในราคาเบาๆ แถมยังได้ชมบ้านโบราณอายุกว่า 130 ปี และแวะชมตะวันรอนที่หนองหาร ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามมาก
ประวัติการแห่ดาว
ใกล้ถึงวันสมโภชพระคริสตสมภพหรือ“วันคริสต์มาส”ของทุกปีเราจะเห็นห้างสรรพสินค้าและร้านรวงต่างๆ ประดับตกแต่ง ต้นคริสต์มาส ด้วยไฟหลากสีระยิบระยับมีภาพชายแก่หนวดเครายาวสีขาวพุงพุ้ยในชุดสีแดงสดใส พร้อมถุงของขวัญ บนล้อเลื่อนมี กวาง ลากจูงคลอด้วยบทเพลง คริสต์มาส ในจังหวะสนุกๆเพื่อดึงดูดผู้คนที่ผ่านไปมาให้หันมาสนใจและจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าในร้านรวงของตน บรรยากาศเช่นนี้มีให้เห็นทั่วไปตามเมืองใหญ่ทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ใน ประเทศไทย แต่ในอีกมุมหนึ่งของ หมู่บ้านคริสตชน ในภาคอีสานของ ประเทศไทย ดูจะต่างออกไป โดยเฉพาะในอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัดคือสกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์และมุกดาหาร จะมีบรรยากาศของความสมัครสมานกลมเกลียวแบบพี่น้องที่ร่วมแรงร่วมใจกันเตรียมฉลองคริสต์มาสด้วยการทำดาวและถ้ำพระกุมารช่วยกันประดับตกแต่งวัดประจำหมู่บ้านให้สวยงาม รวมถึงบ้านเรือนของตน เพื่อเฉลิมฉลองการประสูติมาของพระเยซูเจ้าพวกเขาได้สานต่อความเชื่อศรัทธานี้ มามากกว่า 100 ปี จนกลายเป็นประเพณีในคืนวันที่ 24 ธันวาคม ของทุกปี
ความหมายและที่มาของการแห่ดาว
คำว่า “ดาว” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2545 ได้ให้ความจำกัดความเอาไว้ว่า “สิ่งที่เห็นเป็นดวงมีแสงระยิบระยับในท้องฟ้าเวลามืดนอกจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์” นอกนั้นยังเป็นคำที่ใช้เรียกบุคคลที่เด่นดังในทางใด ทางหนึ่ง ดาวจึงหมายถึง ดวงไฟที่ส่องแสงระยิบระยับบนท้องฟ้าในเวลากลางคืนทำให้ท้องฟ้าแลดูสว่างสุกใส ด้วยเหตุนี้จึงอุปมาคนที่มีชื่อเสียงดี หรือมีหน้าตาสะสวยและความสามารถโดดเด่น เป็นเหมือนดาวบนฟ้าที่ส่องประกายเจิดจ้ายามค่ำคืน อย่างนักแสดงที่เรียกว่า “ดารา” สำหรับชาวตะวันออกเชื่อกันว่าทุกคนเกิดมามีดาวประจำตัวโดยเฉพาะบุคคลสำคัญที่มีบุญบารมีดาวประจำตัวจะสว่างสุกใสกว่าปกติสังเกตเห็นได้ง่าย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเวลาที่พระเยซูเจ้าประสูติจะปรากฏดาวประจำพระองค์ให้พวกโหราจารย์หรือนักปราชญ์จากทิศตะวันออกได้เห็น พวกเขาได้ออกเดินทางตามดาวดวงนั้นไป เพื่อไหว้นมัสการและถวายของขวัญตามที่มีบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ (มธ 2:1-12) ดังนั้น ดาวในคริสตศาสนาจึงเป็นสัญลักษณ์หมายถึง การบังเกิดมาของพระเยซูเจ้าและเป็นสื่อนำทางพวกโหราจารย์ให้ได้พบกับพระกุมารเยซูในถ้ำเลี้ยงสัตว์ที่เมืองเบธเลเฮม ประเทศปาเลสไตน์ ส่วนประเพณีแห่ดาวในเทศกาลคริสต์มาส มีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดแต่เข้าใจว่าคงมีมาตั้งแต่แรกเริ่มที่คริสตศาสนาเข้ามาในภาคอีสานในปี ค.ศ. 1881 ( พ.ศ. 2424) โดยการนำของคุณพ่อยอห์น บัปติสต์ โปรดม (Jean PRODHOMME) และคุณพ่อซาเวียร์ เกโก(Xavier GEGO) ธรรมทูตรุ่นบุกเบิกคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส (MEP) ที่สอนให้คริสตชนทำดาวประดับวัดในเทศกาลคริสต์มาสประกอบกับธรรมชาติของคนอีสานที่ร่าเริงสนุกสนานมีงานประเพณีแห่แหนตลอดทั้งปี
การประยุกต์ประเพณีทำดาวประดับวัดในเทศกาลคริสต์มาส มาเป็นประเพณีแห่ดาวรอบวัดหรือชุมชน จึงเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย ก่อนจะกลายมาเป็นประเพณีนิยมของทุกวัดที่กระทำกันในคืนวันที่ 24 ธันวาคม ของทุกปี การทำดาวประดับวัดของหมู่บ้านคาทอลิก ในอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง ก็เหมือนกับการทำถ้ำพระกุมารและการประดับต้นคริสต์มาสในประเทศยุโรป แต่การทำดาวของวัดต่างๆ
ในอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง ดูจะมีชีวิตชีวาและวิวัฒนาการมากกว่า เห็นได้จากการประยุกต์ให้เข้ากับวัฒนธรรม ท้องถิ่นและวิถีชีวิตของชุมชน จากการทำดาวประดับวัดธรรมดาได้พัฒนาไปเป็นการทำดาวประดับบ้านเรือน การแห่ดาวและการประกวดดาว เพื่อสืบสานความเชื่อศรัทธาอย่างมีสีสันและชีวิตชีวา อันแสดงออกถึงความชื่นชมยินดีของชุมชนตามจิตตารมณ์ของคริสต์มาส
ทำไมต้องมีการแห่ดาว
หลายคนที่ต้องการคำตอบความกระจ่างในเรื่องนี้ ประเพณีแห่ดาวในเทศกาลคริสต์มาสนี้ มีเพียงแห่งเดียวในโลก คือ ที่มิสซังโรมันคาทอลิกท่าแร่-หนองแสง เท่านั้น การแห่ดาว เป็นกิจกรรมในเทศกาลคริสต์มาส เพื่อระลึกเหตุการณ์ที่บรรดาโหราจารย์ได้ติดตาม ดาวประหลาดดวงหนึ่ง เพื่อไปพบสถานที่ประสูติของพระเยซูเจ้าที่แบธเลเฮม และถือกันว่าดวงดาวคือสัญลักษณ์แห่งการประสูติของพระเยซู
แห่ดาวที่ท่าแร่
ถ้าใครที่อยากสัมผัสรูปแบบเทศกาลคริสต์มาสที่ไม่จำเจ ไม่ซ้ำใคร ขอแนะนำให้มาที่ "หมู่บ้านท่าแร่ " ต.ท่าแร่ อ.เมือง จ.สกลนคร หมู่บ้านท่าแร่เป็นชุมชน คาทอลิคเก่าแก่อายุกว่าร้อยปี และถือว่าเป็นชุมชนชาวคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ชาวบ้านแทบทุกหลังคาเรือนนับถือศาสนาคริสต์ เล่ากันว่า ในอดีตชาวท่าแร่ เป็นคริสตศาสนิกชน อพยพมาจากประเทศเวียดนาม ที่ได้รับการปลดปล่อยจากการเกณฑ์แรงงานทาสและมีผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผีปอบ จำนวน 40 คน มาอาศัยอยู่ในตัวเมืองสกลนคร โดยมีบาทหลวงเกโกมิชชันนารีชาวฝรั่งเศส คอยดูแล เมื่อจำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น ทั้งมีปัญหากับเจ้าหน้าที่รัฐบางคน บาทหลวงเกโกจึงหาทำเลที่ตั้งหมู่บ้านใหม่ โดยจัดทำแพขนาดใหญ่ทำด้วยเรือเล็ก นำไม้ไผ่ผูกติดกัน ใช้ผ้าห่มและผืนผ้าขึงแทนใบ บรรทุกทั้งคนทั้งสัมภาระ ให้สายลมพัดพาไปในทิศที่พระเป็นเจ้าทรงประสงค์ ในที่สุดพวกเขาสามารถข้ามไปอีกฟากหนึ่งของหนองหานได้อย่างปลอดภัย และตั้งรกรากใหม่เป็นชุมชนชาวคริสต์ บ้านท่าแร่
เทศกาลแห่ดาวคริสต์มาสที่ท่าแร่ จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 23-24 ธันวาคม ของทุกปี โดยนอกจากจะมีกิจกรรมถนนคนเดิน ไว้ให้นักช๊อปเที่ยวชมและซื้อสินค้าแล้ว ในค่ำคืนของวันที่ 23 ธันวาคม จะมีรถขบวนแห่ดาวใหญ่ จากชุมชนทั้ง 15 ชุมชนของเทศบาลตำบลท่าแร่ จากประชาชนทั่วไปที่อยู่ในท้องที่ และจากต่างจังหวัด ที่ตกแต่งรถดาวใหญ่ ประดับประดาด้วยไฟแสงสี มีซานต้าและซานตี้อยู่บนขบวนรถ คอยแจกลูกอมให้กับผู้คนและนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชม พร้อมกับเปิดเพลงคริสต์มาส แห่รอบบ้านท่าแร่ ก่อนที่จะจอดรวมกันที่ศาลามาร์ติโน ท่าแร่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพอันสวยงามไว้เป็นที่ระลึก
ส่วนในค่ำคืนของวันที่ 24 ธันวาคม จะมีพิธีแห่ดาวเล็ก (ดาวมือถือ) แบบดั้งเดิม รอบวัดอาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่ ก่อนที่จะเข้าวัด ชมการแสดงละครเทวดา "การกำเนิดของพระเยซูกุมาร" และประกอบพิธีมิสซาเนื่องในวันคริสต์มาส
ประเพณีแห่ดาวที่สกลนคร
ประเพณีแห่ดาวที่สกลนคร เกิดขึ้นและเกี่ยวข้องโดยตรงกับ พระอัครสังฆราชลอเรนซ์ คายน์ แสนพลอ่อน อดีตผู้ปกครองอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสงระหว่างปี ค.ศ. 1980-2004 (พ.ศ. 2523-2547) ที่มีความประสงค์จะให้หมู่บ้านคริสตชนในเขตปกครอง ได้นำดาวที่ใช้แห่ในคืนวันที่ 24 ธันวาคม เพื่อเฉลิมฉลองการบังเกิดมาของพระเยซูเจ้า ในหมู่บ้านของตน มาร่วมแห่อีกครั้งที่สกลนครเพื่อสนับสนุนกลุ่มคริสตชนวัดพระหฤทัยฯสกลนคร ซึ่งยังมีจำนวนน้อยอยู่ การแห่ดาวที่สกลนครเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 1982 (พ.ศ. 2525)
หลังจาก พระคุณเจ้าคายน์ แสนพลอ่อน สร้างสำนักมิสซังแห่งใหม่ที่สกลนครและย้ายมาประจำที่สำนักใหม่แล้วโดยมอบหมายให้ ชุมชนท่าแร่ หมู่บ้านคริสตชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และศูนย์กลางของ อัครสังฆมณฑล ท่าแร่-หนองแสง เป็นผู้นำในการทำดาวและ ประดับประดา รถบุษบกถ้ำพระกุมาร ที่ใช้ในขบวนแห่ โดยเริ่มแห่จากศาลากลางจังหวัดสกลนครไปยังบริเวณโรงเรียน เซนต์ยอแซฟสกลนคร ก่อนที่จะมีพิธีเฉลิมฉลองคริสต์มาสเหมือนเช่นที่ทำกันในแต่ละวัดในคืนวันที่ 24 ธันวาคม เป็นธรรมดาอยู่เองที่การริเริ่มทำสิ่งใหม่ที่ไม่มีใครทำมาก่อนย่อมมีอุปสรรคปัญหาและความยากลำบากเช่นเดียวกับการแห่ดาวที่สกลนคร
ในปีแรกมีดาวจากหมู่บ้านต่างๆ มาร่วมขบวนแห่จำนวนไม่มาก และไม่ได้รับการยอมรับจากชาวสกลนครเท่าใดนัก รวมถึงผู้ร่วมงานบางคนที่มองว่าเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ แต่พระคุณเจ้าคายน์ แสนพลอ่อน ยังคงยืนหยัดที่จะจัดให้มีประเพณีแห่ดาวนี้เรื่อยมา และพยายามปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นในแต่ละปี ต่อมาได้จัดให้มีการประกวดดาวทำให้มีจำนวนดาวจากหมู่บ้านต่างๆ มาร่วมแข่งขันและขบวนแห่เพิ่มมากขึ้นหลังจากได้จัดแห่ดาวที่สกลนครผ่านไปหลายปีชาวสกลนครเริ่มยอมรับและกล่าวขวัญถึง บางปีไม่ได้จัดที่สกลนคร เช่นในปี ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2543) ย้ายไปจัดที่หมู่บ้านท่าแร่เพื่อสมโภชการเปิดปี “ปีติมหาการุญ คริสตศักราช 2000 ” เริ่มมีเสียงเรียกร้องให้จัดที่สกลนครประจำทุกปี
จนกระทั่งเมื่อปี ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2546) นายปรานชัย บวรรัตนปราน ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ขณะนั้น ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้บรรจุประเพณีแห่ดาวให้เป็นงานส่งเสริมการท่องเที่ยวงานหนึ่งของจังหวัด เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ให้มาเที่ยวชมและร่วมงานคริสต์มาสที่สกลนคร
กำหนดการจัดงาน ประเพณีแห่ดาวคริสต์มาส ประจำปี ค.ศ. 2020
ณ อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่ (ชุมชุนท่าแร่)
ระหว่ำงวันที่ 21-24 ธันวำคม 2563
* ช๊อป ชิม ซื้อ สินค้ำผ้าคราม สินค้ำ OTOP อาหาร บนถนนคนเดินชมดาว
* ชมการแสดงดนตรีวาไรตี้ กิจกรรมบนเวทีกลาง ณ ศาลามาร์ติโน ท่าแร่
21 ธันวำคม 2563
- พิธีเปิดงานพร้อมชมการแสดงประวัติการก่อตั้งหมู่บ้ำนท่าแร่และกำรบังเกิดของพระเยซูเจ้า
22 ธันวำคม 2563
- พิธีเปิดงาน “ท่าแร่ดาวบนดิน ร้อยดวงใจเป็นหนึ่งเดียว”
- การแข่งขันการทำดาวโบราณ ประเภททีม
- โชว์รถดาวใหญ่ ณ บริเวณศาลามาร์ติโน ท่าแร่
23 ธันวำคม 2563
- ชมขบวนแห่รถดาวใหญ่ รอบชุมชนบ้านท่าแร่
- พิธีเปิดงานประเพณีแห่ดาวคริสต์มาส ประจ ำปี ค.ศ. 2020
24 ธันวำคม 2563
🚔 การเดินทางไปจังหวัดสกลนคร
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
สกลนครอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 647 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางสู่จังหวัดสกลนครได้หลายวิธี ทั้งทางรถยนต์ส่วนตัว รถประจำทาง และเครื่องบิน
โดยรถยนต์
- จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) จนถึงจังหวัดสระบุรี บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 107 แยกขวาเข้าสู่ ทาง หลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) ผ่านจังหวัดนครราชสีมา จนถึงอำเภอบ้านไผ่ แยกขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 23 ไปจนถึงจังหวัดมหาสารคาม แล้วแยกใช้ทางหลวงหมายเลข 213 ผ่านจังหวัดกาฬสินธุ์ จนถึงจังหวัดสกลนคร
โดยรถประจำทาง
มีรถโดยสารปรับอากาศบริษัท ขนส่ง จำกัด และของเอกชน สายกรุงเทพฯ-สกลนคร ออกจากสถานีขนส่ง สายเหนือ (หมอชิต 2) ถนนกำแพงเพชร 2 ทุกวัน วันละหลายเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง
- บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร.1490 www.transport.co.th ปัจจุบันบริษัท ขนส่ง จำกัด ได้เปิดให้บริการจองตั๋วรถโดยสารออนไลน์แล้ว ติดต่อได้ที่ www.thaiticketmajor.com นอกจากนี้ยังสามารถซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่ไทยรูท ดอทคอม www.thairoute.com
การเดินทางภายใน สกลนคร
- ในตัวจังหวัดสกลนครมีรถชนิดต่างๆ ให้บริการ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้บริการยานพาหนะต่างๆ ได้หลาย รูปแบบตามความเหมาะสม รถสองแถว มีวิ่งบริการจากสถานีขนส่งไปยังที่ต่างๆ ในตัวเมือง นักท่องเที่ยวอาจ เหมารถสองแถวไปเที่ยวได้ทั้งในเมืองและต่างอำเภอ คิดราคาวันละ 1,000-2,000 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทางและ การต่อรองรถสามล้อเครื่องและมอเตอร์ไซค์รับจ้าง จอดอยู่ตามจุดต่างๆ ในจังหวัด เช่น หน้าตลาดเทศบาลหน้า สถานีขนส่งค่าบริการมีทั้งแบบตกลงกันตามแต่ระยะทางและแบบเหมาจ่าย ระยะทางจากอำเภอเมืองสกลนครไปยังอำเภอต่างๆ คือ
อำเภอโคกศรีสุพรรณ 22 กิโลเมตร
อำเภอเต่างอย 28 กิโลเมตร
อำเภอภูพาน 33 กิโลเมตร
อำเภอโพนนาแก้ว 35 กิโลเมตร
อำเภอพรรณานิคม 39 กิโลเมตร
อำเภอกุสุมาลย์ 40 กิโลเมตร
อำเภอพังโคน 54 กิโลเมตร
อำเภอกุดบาก 56 กิโลเมตร
อำเภออากาศอำนวย 57 กิโลเมตร
อำเภอวาริชภูมิ 69 กิโลเมตร
อำเภอสว่างแดนดิน 84 กิโลเมตร
อำเภอวานรนิวาส 85 กิโลเมตร
อำเภอเจริญศิลป์ 90 กิโลเมตร
อำเภอนิคมน้ำอูน 99 กิโลเมตร
อำเภอคำตากล้า 109 กิโลเมตร
อำเภอส่องดาว 109 กิโลเมตร
อำเภอบ้านม่วง 120 กิโลเมตร
ที่พัก โฮมสเตย์
- โรงแรมพิมลำโน่ 042-090329, 083-3476354 * กลุ่ม นวัตวิถี ติดต่อ
- อัญมณี คอทเทจเฮ้าส์ 082-1598600 ก ำนันอัยกำร จ ำปำรำช 061-3645545
- บ้านสวนโฮเต็ล ท่าแร่ 098-2402618, 065-6571616 * กลุ่ม ชุมชนท่องเที่ยว ติดต่อ
- หอพักมาติน ถ.ท่ำแร่-ศรีสงครำม 092-7456678 อำจำรย์ร ำไพวรรณ รุจิพจน์ 089-9441418
ร้านอาหาร
- สวนอาหารท่าน้ำ 042-751106
- กัสจัง คอฟฟี่ 042-751262
- ร้ำนดวงแข หมูกระทะ 080-1984188
- Buckstawk 088-5624063
- ครัวชมวิว 086-2302926
- ร้านนวรา ค่าเฟ่ 087-7631112
- บ้านข้าวเหนียว 085-0555709
- นานา กาแฟ 088-4999682
- ครัวคุณเก๋ 088-3326826
- บ้านโบราณฟรานซิสโก 087-8664383
- ร้านก๋วยเตี๋ยวป้าหนาง 080-7407195
- ระเบียงดาว คอฟฟี่ 086-5801008
- บ้านส้มตำแม่น้อย 089-2754079
- ก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิต 085-0715797
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม :
- สำนักมิสซังท่าแร่-หนองแสง โทรศัพท์ 042-711-272
- เทศบาลตำบลท่าแร่ โทรศัพท์ 042-751-213
- เทศบาลนครสกลนคร โทรศัพท์ 042-711-203
👍 ขอขอบคุณภาพและข้อมูลประกอบ :
- Facbook: tharaesakon
- ททท. - Tourism Authority of Thailand
- สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสกลนคร
- วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
- เว็บไซต์ : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสกลนคร
- เทศบาล ตำบลท่าแร่
- สำนักมิสซังท่าแร่-หนองแสง
www.thailandfestival.org
FB Fanpage : Thailand Festival
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น