หน้าแรก

วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ตำนานประเพณีนมัสการพระธาตุช่อแฮ เมืองแพร่แห่ตุงหลวง


    เมืองแพร่  เป็นเมืองโบราณสร้างมาช้านานแล้วตั้งแต่อดีตกาลแต่ยังไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นในสมัยใดและใครเป็นผู้สร้าง เมืองแพร่ เป็นเมืองที่ไม่มีประวัติของตนเองหรือจารึกไว้ในที่ใดๆโดยเฉพาะนอกนอกจากปรากฏในตำนานพงศาวดารและจารึกของเมืองอื่นๆบ้างเพียงเล็กน้อยเช่นหลักฐานจากตำนานเมืองเหนือ พงศาวดารโยนก และ ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง 


เมืองแพร่ น่าจะสร้างยุคเดียวกันกับกรุงสุโขทัย เชียงใหม่ ลำพูน พะเยา น่าน ซึ่งเมืองแพร่ในยุคนั้นคงไม่กว้างขวางและมีผู้คนมากมายเหมือนปัจจุบันเมืองแพร่มีชื่อเรียกกันหลายอย่างตำนานเมืองเหนือเรียกว่า "พลนคร" หรือ "เมืองพล" 

                                  

  ในสมัยขอมเรืองอำนาจ ราว พ.ศ. 1470 - 1540 นั้น พระนางจามเทวีได้แผ่อำนาจเข้าครอบครองดินแดนในเขตลานนาและได้เปลี่ยนชื่อเมืองในเขตลานนาเป็นภาษาเขมร เช่น ลำพูนเป็น หริภุญไชย น่านเป็นนันทบุรี เมืองแพร่เป็นโกศัยนคร หรือนครโกศัย ชื่อที่ปรากฏในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง เรียกว่า "เมืองพล" และได้กลายเสียงตามหลักภาษาศาสตร์เป็น "แพร่" ชาวเมืองนิยมออกเสียงว่า "แป้" ในปัจจุบัน

ประตูชัยเมืองแพร่ ก่อน พ.ศ.๒๔๔๐

ผู้สถาปนาเมืองแพร่ขึ้น คือ พญาพล และ พระยาเมืองไชย

                                  

ตำนานประเพณีนมัสการพระธาตุช่อแฮเมืองแพร่แห่ตุงหลวงย้อนอดีตเก่าแก่เมืองแพร่เมืองงามเล่าขานตำนานช่อแพร่ช่อแฮแหล่งประดิษฐานพระเกศาธาตุพระบรมสารีริกธาตุ พระศอกซ้ายของพระพุทธเจ้า เมื่อถึงวันขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๔ ใต้ เดือน ๖ เหนือ พุทธศาสนิกชนหลั่งไหลไหว้พระธาตุช่อแฮ เมืองแพร่ แห่ตุงหลวง ถวายแด่องค์พระธาตุสืบมา” 

ตำนานเก่าแก่แห่งเมืองมนต์ขลังเล่าว่าอดีตกาลพระพุทธเจ้าได้เสด็จมาถึงดอยโกสิยธชัคคะบรรพตและได้มอบพระเกศาธาตุให้ขุนลั๊วอ้ายก้อมไปบรรจุในผอบแก้วแล้วนำไปไว้ในถ้ำด้านตะวันออกของดอยที่ประทับ ซึ่งผ้าแพรที่ ขุนลั๊ว อ้ายก้อม นำมารองรับ พระเกศาธาตุ นั้นเรียกว่า “ผ้าแฮ” นิยมนำผ้าแฮ หรือผ้าแพรมาประดิษฐ์เป็นช่อหรือธง แล้วทำการถวายสักการะเป็นพุทธบูชา ต่อมาภายหลังเพี้ยนมาเป็น “ช่อแฮ่” หรือ “ช่อแพร่” โดยครั้งนั้นพระพุทธเจ้าทรงมีรับสั่งว่า ต่อไปเมืองนี้จะชื่อเมืองแพร่ และหลังจากที่พระองค์ปรินิพพานแล้ว ให้นำพระธาตุข้อศอกข้างซ้ายมาประดิษฐ์ที่นี่ด้วย และหลังจากที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว ๒๑๘ ปี พระเจ้าอโศกมหาราชและพระอรหันต์จำนวนมากได้ร่วมกันอธิษฐานอันเชิญพระบรมสารีกริกธาตุที่ได้บรรจุในผอบแก้วที่เตรียมไว้นั้นไปสถิตในสถานที่ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ทรงหมายไว้แต่เดิมแล้วประกาศแก่เทวดาทั้งหลายให้พิทักษ์รักษาตลอดไปจนกว่าจะหมดอายุแห่งพระพุทธศาสนา ๕๐๐๐ พระวัสสา

                                 

จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ระบุว่า ในสมัยของสมเด็จพระมหาธรรมราชาที่ ๑ (พระยาลิไท) ครั้งทรงดำรงตำแหน่งมหาอุปราชเมืองศรีสัชชนาลัย ได้เสด็จยกทัพแปรพระราชฐานมาทำการบูรณปฏิสังขรณ์พระธาตุช่อแฮเสร็จแล้ว ทรงให้มีงานฉลองสมโภช ๗ วัน ๗ คืน ตั้งแต่วันขึ้น ๙-๑๕ ค่ำ เดือน ๖ เหนือ เดือน ๔ ใต้ และนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา เจ้าผู้ครองนครแพร่ทุกพระองค์ก็ได้ยึดถือประเพณีไหว้พระธาตุประจำปีสืบมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๖ ในสมัยของเจ้าหลวงพิริยะชัยเทพวงศ์ ได้ลดการจัดงานเหลือ ๕ วัน ๕ คืน คือวันขึ้น ๑๑-๑๕ ค่ำ เดือน๖ เหนือ เดือน ๔ ใต้ ของทุกปี 

ภาพประกอบ

ภายในงานประกอบด้วยขบวนแห่ที่ยิ่งใหญ่ประกอบไปด้วยริ้วขบวนของทุกอำเภอ ขบวนช้างเจ้าหลวง และเครื่องบรรณาการ ขบวนแห่กังสดาล ขบวนแห่หมากเป็ง ขบวนต้นผึ้ง ขบวนแห่ผ้าแพรคลุมองค์พระธาตุ ๑๒ สี ซึ่งประกอบด้วยขบวน ๑๒ ราศี ขบวนเทพีโปรยข้าวตอกดอกไม้ ต้นหมาก ต้นผึ้ง ด้นดอก ขบวนตุง ขบวนฟ้อนรำ มีการเทศน์และฟังเทศน์มหาชาติ มหาเวสสันดรชาดก ทั้งกลางวันและกลางคืน สำหรับกลางคืนมีมหรสพสมโภชตลอดงาน




                             

ปัจจุบันประเพณีไหว้พระธาตุช่อแฮเมืองแพร่แห่ตุงหลวง นอกจากจะมีขบวนแห่ที่อลังการตามแบบอย่างในอดีตแล้วภายในงานยังมีกิจกรรมอื่นอีกมากมาย เช่น กิจกรรมการสาธิตการทำตุง โคม เครื่องสักการะล้านนา การประกวดหนูน้อยช่อแฮ รวมทั้งการออกร้านและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม ซึ่งล้วนแล้วแต่น่าสนใจและน่ามาสัมผัสความอลังการด้วยตนเองทั้งสิ้น

จังหวัดแพร่ แม้จะเป็นจังหวัดเล็กๆ แต่ก็เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีผู้คนเดินทางมาเยือนตลอดทั้งปี ด้วยเป็นบ้านเมืองที่มีความเก่าแก่ มีผู้คนน่ารัก เป็นมิตร โดดเด่นไปด้วยวัดวาอาราม แหล่งท่องเที่ยวชุมชน อาหารถิ่น และวัฒนธรรมประเพณีที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัวแถมยังได้สัมผัสกลิ่นอายความเป็นอดีตหัวเมืองของอาณาจักรล้านนาตะวันออกที่น่าประทับใจ 

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแพร่ ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวและผู้สนใจ เที่ยวงาน “ประเพณีไหว้พระธาตุช่อแฮ เมืองแพร่แห่ตุงหลวง ประจำปี 2563” ระหว่างวันที่ 2-8 มีนาคม 2563 
ณ วัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่

นางสิรินาถ ฉัตรศุภกุล ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแพร่ กล่าวว่า จังหวัดแพร่ ร่วมกับวัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวง, ททท. สำนักงานแพร่, สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแพร่, เทศบาลตำบลช่อแฮ, ภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง กำหนดจัดงาน “ประเพณีไหว้พระธาตุช่อแฮ เมืองแพร่แห่ตุงหลวง ประจำปี 2563” ระหว่างวันที่ 2-8 มีนาคม 2563 นับเป็นประเพณีที่จัดต่อเนื่องสืบทอดมายาวนาน แสดงถึงความเลื่อมใสศรัทธาต่อบวรพระพุทธศาสนา และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดแพร่

ภายในงานมีกิจกรรมต่างๆ ดังนี้ ในวันที่ 2 มีนาคม 2563 เวลา 15.00 น. วันแรกของการจัดงาน ชมขบวนแห่เครื่องสักการะเพื่อบูชาองค์พระธาตุอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา ขบวนช้างเจ้าหลวงเมืองแพร่ ขบวนแห่ตุงหลวง และขบวนเครื่องสักการะจากทั้ง 8 อำเภอในจังหวัดแพร่ ขบวนแห่ผ้าแพรห่มองค์พระธาตุประจำวันเกิด และมีการแสดงพระธรรมเทศนามหาชาติมหาเวสสันดรชาดก การแสดงศิลปวัฒนธรรมและมหรสพอื่นๆ อีกมากมายตลอดทั้ง 7 วัน 7 คืน

ในงานนี้ ททท.ขอเชิญชมการแข่งขัน “ตีกลองปู่จาพญาขาล” อันเป็นศิลปะพื้นบ้านที่มีชื่อเสียงจาก 8 อำเภอของจังหวัดแพร่ ตั้งแต่เวลา 18.00 น.เป็นต้นไป พร้อมชมการแสดงตีกลองปู่ จากสำนักงาน ททท.ในภาคเหนือ ณ เวทีกลาง (ลานจอดรถทิศตะวันออก) วัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวง จังหวัดแพร่

การเดินทางมายังจังหวัดแพร่

รถยนต์
จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) แล้วเข้าทางหลวงหมายเลข 32 ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี จนถึงชัยนาท แล้วเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 11 ผ่านจังหวัดพิจิตร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ และเข้าสู่ตัวจังหวัดแพร่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7-8 ชั่วโมง
รถประจำทาง
บริษัท ขนส่ง จำกัด และบริษัทเอกชนมีรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศ สายกรุงเทพฯ-แพร่ และกรุงเทพฯ-แพร่-สอง ออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต 2) ถนนกำแพงเพชร 2 ทุกวัน วันละหลายเที่ยว ตารางเวลารถประจำทาง
โดยรถไฟ
จังหวัดแพร่มีทางรถไฟตัดผ่านที่อำเภอเด่นชัย อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 24 กิโลเมตร การรถไฟแห่งประเทศไทยให้บริการเดินรถระหว่างอำเภอเด่นชัยและจังหวัดต่างๆ ทั้งเที่ยวขึ้นและเที่ยวล่องทุกวัน ตารางเวลารถไฟ
การเดินทางในจังหวัดแพร่
ในตัวเมืองแพร่มีรถชนิดต่างๆ ให้บริการ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้บริการยานพาหนะ ได้หลายรูปแบบ รถสองแถว มีวิ่งบริการจากสถานีขนส่งไปยังที่ต่างๆ ในตัวเมือง นักท่องเที่ยวอาจเหมารถสองแถวไปเที่ยวได้ทั้งในเมืองและต่างอำเภอ ราคาวันละ 1,000-2,000 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทางและการต่อรอง รถสามล้อเครื่องและมอเตอร์ไซค์รับจ้าง จอดอยู่ตามจุดต่างๆ ในจังหวัด เช่น หน้าตลาดเทศบาล หน้าสถานีขนส่ง ค่าบริการมีทั้งแบบตกลงกันตามแต่ระยะทางและแบบเหมาจ่าย

โรงแรมในจังหวัดแพร่  
ร้านอาหารในจังหวัดแพร่  
สินค้าที่ระลึก  

ติดต่อสอบถาม : วัดพระธาตุช่อแฮพระอารามหลวง
เบอร์โทร : 054599209
ที่มา > กลุ่มงานข้อมูลสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานจังหวัดแพร่

ไม่มีความคิดเห็น: