หน้าแรก

วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2563

วังเวียง, ลาว สวรรค์แห่งการผจญภัย เชิงนิเวศ


วังเวียง เดิมชื่อ Mouang Song ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นวังเวียงในช่วงการปกครองอาณานิคมฝรั่งเศสในปี 1890  การขยายตัวที่สำคัญของเมืองและโครงสร้างพื้นฐานของเกิดขึ้นในช่วง 1964-1973 สงครามเวียดนามเมื่อสหรัฐอเมริกาสร้างฐานทัพอากาศและรันเวย์ที่ถูก เรียกว่า "Lima site 6" ในช่วงเวลาของเมืองที่มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากการไหลเข้าของนักท่องเที่ยวแบ็คแพ็ค ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวผจญภัย เชิงนิเวศโดยมีถนนสายหลักที่มีเกสต์เฮาส์,บาร์,ร้านอาหาร, อินเทอร์เน็ตคาเฟ่และบริษัททัวร์, สถานที่ท่องเที่ยวของเมืองได้พายเรือคายัคในแม่น้ำซอง (Nam Song River)

   เมืองวังเวียง ปัจจุบันเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งใหม่ของประเทศลาว เป็นส่วนหนึ่งของแขวงเวียงจันทน์ ตั้งอยู่ในภาคกลางของประเทศ อยู่ห่างจากนครเวียงจันทน์มาทางทิศเหนือราว 160 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 13 เหนือ 

   ในอดีตเมืองวังเวียงเป็นเพียงทางผ่านในความรู้สึกของนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปเยือนเมืองมรดกโลกที่หลวงพระบาง แต่ปัจจุบันเมืองที่โอบล้อมด้วยขุนเขาแห่งนี้กำลังเปลี่ยนจากทางผ่านเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ใครๆ อยากมาสัมผัส 

สาเหตุที่วังเวียงเป็นที่รู้จักกันในหมู่นักท่องเที่ยวคือ ภูมิศาสตร์ ที่ละม้ายคล้ายคลึงกับ กุ้ยหลิน ประเทศจีน ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็จะพบคลื่นทะเลภูเขาสีเขียว ท่ามกลางไอหมอกสีขาวนวลลอยพาดผ่านไปตามซอกเขา มีสายน้ำซองสายน้ำแห่งชีวิตที่หล่อเลี้ยงชาวเมืองวังเวียงมาตั้งแต่อดีตกาล นอกจากจะเปรียบเสมือนเมืองกุ้ยหลินที่ประเทศจีนแล้วบรรยากาศของเมืองนี้ยังคล้ายกับอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน จนมีใครหลายคนขนานนามว่าเป็นเมืองคู่แฝด


ชาวบ้านในวังเวียง 10 หมู่บ้านกว่า 1,555 ครัวเรือนได้รวมตัวกันเป็นสมาคมธุรกิจสหกรณ์เพื่อการท่องเที่ยว วังเวียงเมืองเล็กๆ ในหุบเขาแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมเด่นๆที่น่าสนใจตั้งแต่ล่องห่วงยาง พายเรือคายักบนสายน้ำซองระหว่างทางยังได้สนุกสนานกับชิงช้าลอยฟ้าบริเวณถ้ำนอนอีกด้วย นับเป็นกิจกรรมสบายๆ สามารถเลือกเที่ยวได้แบบครึ่งวันและเต็มวัน สำหรับคนที่ชื่นชอบการผจญภัยวังเวียงยังมีถ้ำสวยงามให้เลือกชมอาทิ ถ้ำจัง ถ้ำน้ำ ถ้ำช้างและเมืองลับแลดินแดนว่างเปล่าในหุบเขาที่เคยเป็นหมู่บ้านของชาวม้ง มีสายน้ำซางหรือวารีบำบัดไหลผ่านวังเวียงจึงเป็นสวรรค์สำหรับนักท่องเที่ยวสไตล์แบ็กแพ็กเกอร์เสมอมา

9 ที่เที่ยว วังเวียง งบน้อยก็เที่ยวได้

1. บลู ลากูน (Blue Lagoon)


บลู ลากูน สระน้ำสีฟ้าใสที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของถ้ำภูคำ (Phu Kham Cave) ลักษณะของน้ำในสระจะเป็นสีฟ้าใสราวกับคริสตัล สามารถมองเห็นพื้นดินด้านล่างได้อย่างชัดเจน น้ำจะมีความเย็นชื่นใจ สามารถลงไปว่ายน้ำเล่นได้ ด้านข้างสระจะมีต้นไม้ใหญ่ มีเชือกให้สามารถไต่ปีนกระโดดน้ำได้อย่างสนุกสนาน 

พร้อมทั้งยังมีบริการให้เช่าห่วงยางและจำหน่ายอาหารอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ขนาดของสระไม่กว้างมากนัก จึงทำให้สามารถลงเล่นได้ครั้งละไม่กี่คนเท่านั้น ในบริเวณใกล้ ๆกันนั้นเป็น ถ้ำภูคำ ซึ่งมีสระน้ำที่สวยใส สะอาด คล้ายกับบลู ลากูน อยู่ด้านในด้วย

2. ถ่ายรูปสุดชิคกับสะพานส้ม


 สะพานแห่งนี้เป็นสะพานแขวนทอดข้ามผ่านลำน้ำซอง ทำขึ้นจากเหล็ก ที่ทอดตัวยาวสู่ ถ้ำจัง ของวังเวียง ชาวบ้านและคนไทยมักจะเรียกกันว่า สะพานส้ม เพราะตัวของสะพานมีสีส้มสด ตรงจุดนี้เอง กลายเป็นแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวต้องมาถ่ายรูปเมื่อมาถึง วังเวียง เพราะวิวด้านหลังที่สวยงาม ประกอบกับ ตัวสะพานที่เป็นสะพานแขวน ทำให้ได้บรรยากาศของการผจญภัยสุดๆ

3. ถ้ำจัง (Tham Jang Cave)


 ถ้ำจัง เป็นถ้ำที่สวยงามที่สุดในเมืองวังเวียงเพราะเป็นถ้ำเพียงแห่งเดียวที่มีไฟติดตั้งอยู่ภายใน นักท่องเที่ยวสามารนำรถมาจอดบริเวณถ้ำจังรีสอร์ท จากจุดนี้จะพบสะพานข้ามแม่น้ำซองสีส้มสดใสเหมือนสะพานข้ามแม่น้ำที่บ้านผาเทา ทางไปหมู่บ้านลับแลแต่มีความสวยงามกว่า สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของสายน้ำซอง นักท่องเที่ยวนิยมแวะถ่าพภาพเก็บเป็นที่ระลึกกัน เมื่อข้ามสะพานไปประมาณ 100 เมตรจะพบลำน้ำเล็กๆ สีเขียวมรกตไหลออกมาจากใต้ภูเขาไปนรรจบกับแม่น้ำชซอง เหมาะสำหรับเดินเล่นชมธรรมชาติ ด้านในสุดยังมีพระใหญ่ให้กราบไหว้ 

   การขึ้นไปถ้ำจังด้านบน จะต้องเดินขึ้นบันได 147 ขั้น จะถืงปากทางเข้าถ้ำจัง บริเวณนี้ยังเป็นจุดชมวิวที่มองเห็นแม่น้ำซอง ขุนเขา และตัวเมืองวังเวียงได้ย่างสวยงาม นับเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเมืองวังเวียงอีกด้วย ภายในถ้ำจังมีหินงอกหินย้อยสวยงามมากมาย สามารถเดินชมได้สะดวกสบายเพราะมีไฟสว่างเพียงพอ พร้อมด้วยทางเดินอย่างดี หากเดินไปทางซ้ายจะพบจุดชมวิวเป็นช่องเขาริมหน้าผา สามารถมองเห็นทิวทัศน์สวยงามไม่แพ้ปากทางเข้า ส่วนทางเดินขวามือจะพบหินรูปร่างแปลกตาต่างๆ มากมายจนไปสุดที่ทางตันไม่สามารถเดินเข้าไปได้อีก

4. ขึ้นบอลลูน ชมวิววังเวียง


ไฮไลท์อีกอย่างของวังเวียงที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ การขึ้น บอลลูน ชมเมืองวังเวียง ในมุมมองที่แตกต่างและสูงเป็นพิเศษ กับวิวภูเขาหินปูนสูงสง่า รวมถึง วิวทุ่งนาสีเขียวขจีกว้างใหญ่ และแม่น้ำซอง ที่ไหลผ่านวังเวียง

 5. พายเรือคายัคล่องแม่น้ำซอง


 หนึ่งในกิจกรรมห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยววังเวียง คือการ พายเรือคายัคล่องแม่น้ำซอง เมื่อมาถึงไกด์จะให้ใส่เสื้อชูชีพ สอนการใช้ไม้พาย และให้จับคู่เพื่อเตรียมออกเดินทาง (ใครว่ายน้ำไม่เป็น หรือมากัน 3 คน ก็สามารถไปจับคู่กับไกด์ได้เลย) ระยะทางสำหรับการพายเรือคายัค อยู่ที่ประมาณ 8 กิโลเมตร โดยวิวสองข้างทางนั้นสวยงาม คุณจะได้เห็นทั้งวิวป่าและภูเขา พอพายมาได้ซักพักไกด์ก็จะให้เราหยุดพักที่ร้านริมแม่น้ำ สามารถซื้อเครื่องดื่ม กิมลมชมวิว นั่งเล่นได้ ก่อนจะพายต่อไปยังจุดสิ้นสุด

6. นั่งห่วงยาง ลอดถ้ำน้ำ (Tham Nam / Water Cave)


จุดเด่น หลังจากที่สนุกสนานกับการพายเรือคายักล่องแม่น้ำซองแล้ว อีกกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดคือ กิจกรรม ล่องห่วงยาง เพราะนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสประสบการณ์นั่งบนห่วงยาง พร้อมติดไฟฉายที่หัวเพื่อผจญภัยโดยการลอยน้ำลอดเข้าไปในถ้ำที่มืดสนิทลึกประมาณ 500 เมตร ซึ่งการที่จะสามารถลอยน้ำนั่งห่วงยางได้นั้นต้องไปในฤดูที่มีน้ำเท่านั้น หากไปในฤดูแล้งจะใช้วิธีเดินเข้าไปในถ้ำแทน ส่วนเรื่องความปลอดภัยนั้นไม่ต้องห่วง เพราะภายในถ้ำมีเชือกให้เกาะตลอดทางไม่ต้องกลัวหลงและระดับน้ำก็ไม่ได้ลึกอะไรมากมายพอยืนถึง 

   การล่องห่วงยางจะเริ่มต้นบริเวณร้านอาหารออร์แกนนิกฟาร์มระยะทางห่างจากตัวเมืองวังเวียงประมาณ 4 กิโลเมตร กิจรรมล่องห่วงยางเป็นกิจรรมสั้นๆ ที่ใช้เวลาไม่นานแต่ได้อารมณ์ความสนุกเหมือนย้อนเวลากลับไปตอนเป็นเด็กอีกครั้ง จะเลือกล่องคนเดียวนอนลอยคออยู่บนห่วงยางปล่อยอารมณ์ไปตามสายน้ำพร้อมชมธรรมชาติสองฝั่งแม่น้ำซอง หรือจะสนุกสนานกับหมู่เพื่อนฝูงก็ได้ กิจกรรมล่องห่วงยางมีจุดแวะพักเพียงแห่งเดียวคือ บริเวณถ้ำนอน จุดเดียวกับกิจกรรมพายคายัก

 7. ล่องแก่งแม่น้ำซอง


แม่น้ำซอง เป็นแม่น้ำสายหลัก เรียกได้ว่าเป็นหัวใจของวังเวียงเลยทีเดียวระหว่างเส้นทางการล่องเรือนั้น นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสธรรมชาติตามลำน้ำซอง ป่าเขาสองฝั่งของแม่น้ำซอง วิถีชีวิตของชาวพื้นเมือง การล่องเรือตามเส้นทางนี้ สามารถลงเรือแวะเที่ยวชมถ้ำในระหว่างทางด้วยคือ ถ้ำช้าง  ถ้ำหอย  ถ้ำน้ำ  ถ้ำนอน นอกจากนี้ก็ยังมีร้านอาหาร ร้านค้า ขายอาหารหรือเครื่องดื่ม (บาร์น้ำ) ตลอดเส้นทางไว้รอบริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย

8. นั่งชิลล์ที่ร้านอาหารริมแม่น้ำซอง


  หนึ่งในเอกลักษณ์เฉพาะของวังเวียงคือ ร้านอาหารที่ตั้งเรียงรายอยู่ริมแม่น้ำซอง มีให้เลือกหลายร้าน ทั้งแบบร้านที่เป็นหลังๆ และร้านที่มีที่นั่งยื่นลงไปแม่น้ำ อาหารยอดนิยมของที่นี่คือ ปิ้งย่าง และ อาหารลาว โดยช่วงยามเย็นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมานั่งชิลล์ ดื่มด่ำวิวแม่น้ำ และทานอาหารอร่อยๆ


9. ตลาดกลางคืน (V. Town  Walking Street)


ทานอาหารอิ่มแล้วใครยังมีแรงอยู่และอยากไปสัมผัสบรรยากาศถนนคนเดินฉบับเมืองลาว แนะนำให้เดินต่อไปยัง  
V.Town Walking Street ซึ่งมีสินค้าจำพวกของที่ระลึกเสื้อผ้า กระเป๋าและผ้ามัดย้อมลายสวยงามขายมากมาย

 การเดินทางไปวังเวียง

 1.จากหนองคาย ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว เช่าเหมารถที่ลาวเข้านครเวียงจันทน์ แล้วค่อยต่อไปที่วังเวียงซึ่งจะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงประมาณ 160 กม.

2.จากอุดรธานี ขึ้นรถที่สถานีขนส่งอุดร สายอุดร-วังเวียง ราคา 320 บาท ขั้นตอนผ่านด่านเข้าประเทศลาวนั้นเขียนใบ ตม.และซื้อบัตรสำหรับผ่านแดนในราคา11,000 กีบหรือประมาณ 45 บาทหลังจากผ่านกระบวนการตรวจค้นเข้าเมืองเสร็จแล้วรถก็จะไปจอดรอเราอยู่ที่ด้านนอกก็เดินไปขึ้นประจำที่ได้เลย  

Nam Song River,Vang Vieng,LAOS,Resin 3D Fridge Magnet
(http://www.worldmagnetstore.com/)

ขอบคุณภาพประกอบ เที่ยววังเวียง : www.pixabay.com
http://www.louangprabang.net 
https://travel.trueid.net
http://blog.amari.com

ไม่มีความคิดเห็น: